สรุป “ดราม่า” และการกลับมาของ Unity 6
November 25, 2024
bookmarkข่าว
sellถ้าพูดถึงเอนจิ้นพัฒนาเกมในปัจจุบัน ที่ถูกออกแบบมาให้ผู้คนทั่วไปสามารถเข้าถึง และใช้งานได้ไม่ต่างจาก Word หรือ Photoshop เชื่อว่า Unity และ Unreal จะเป็น 2 ชื่อที่จะเด้งออกมาในหัวของทุกคนทันที
ในยุคที่มี 2 เอนจิ้นนี้ ส่งผลให้เกิดเกมจำนวนมากขึ้นมา แต่อย่างไรก็ตาม นั่นก็เป็นเรื่องเมื่อประมาณ 5 - 10 ปีก่อนได้ ณ ตอนนี้ยังมีเกมออกมาเยอะอยู่เหมือนเดิม แต่กลายเป็นว่า เกมเหล่านั้นกลับไม่มีอะไรที่พิเศษ หรือแตกต่างกันน้อยลงไปมาก ส่งผลให้พฤติกรรมการเล่นเกมของผู้คนเปลี่ยนไป รวมไปจนถึงมุมมองของทั้ง 2 เอนจิ้นนั้นก็เริ่มแตกต่างกันอีกด้วย
Unreal กลายเป็นเอนจิ้นที่ถูกมองว่าเหนือกว่า Unity ในทุกด้าน และมักหยิบมาใช้ในโปรเจคเกมใหญ่ ๆ ส่วน Unity ถูกมองเป็นเอนจิ้นสำหรับแพลตฟอร์มที่เล็กกว่า เช่น มือถือ และเหมาะกับผู้ใช้งานสายอินดี้เป็นหลัก
ดังนั้น เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงในฝั่งใดฝั่งหนึ่งขึ้น เช่น คนใช้จ่ายในเกมมือถือน้อยลง เกมมือถือประสบความสำเร็จน้อยลง คนไม่ชอบเล่นเกมอินดี้ เพราะมันไม่แตกต่างไปจากเดิม หรืออื่น ๆ อย่างผลอาฟเตอร์เอฟเฟคของโควิด การมาของ AI หรือการปลดพนักงานในอุตสาหกรรม IT ต่าง ๆ ก็จะเกิดผลต่อเอนจิ้นเหล่านี้ทันที...
ดราม่าครั้งใหญ่ ที่ Unity ทำตัวเอง...
ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา หลังอาฟเตอร์เอฟเฟคของโควิดและการมาของ AI ส่งผลให้บริษัท IT มากมายได้รับผลกระทบ เนื่องจากพฤติกรรมการใช้งานแอป เทคโนโลยี หรือการเลือกเล่นเกมนั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก บริษัท IT มากมายเริ่มปลดพนักงาน Unity ก็เช่นกัน ซึ่งเชื่อว่าเป็นประเด็นสำคัญ ที่ก่อให้เกิดดราม่าอย่าง “การเปลี่ยนวิธีคิดค่าใช้งานเอนจิน” ขึ้น
ในช่วงเดือนกันยายน 2023 ทาง Unity ประกาศปรับวิธีคิดค่าใช้งานใหม่ โดยเพิ่มวิธีคิดค่าใช้งานผ่านการ “ติดตั้ง” ตัวเกมเพิ่มเข้ามา ส่งผลกระทบกับนักพัฒนาจำนวนมาก โดยเงื่อนไขการเก็บค่าใช้งาน Unity จะเกิดขึ้นเมื่อเข้าเงื่อนไข 2 ข้อนี้ ข้อใดข้อหนึ่ง
- รายได้เกิน 200,000 ดอลลาร์ในรอบ 12 เดือนล่าสุด
- จำนวนการติดตั้งเกิน 200,000 ครั้ง
พูดง่าย ๆ ว่า Unity จะเริ่มคิดเงินจากนักพัฒนาในราคา 0.20 ดอลลาร์ต่อการติดตั้ง
การเปลี่ยนแปลงนี้เป็น “ดราม่า” ส่งผลให้นักพัฒนาเกมทั่วโลกออกมาต่อต้าน เพราะเพิ่มต้นทุนให้นักพัฒนาอิสระและนักพัฒนารายย่อย แถมยังเกิดความสับสนมากมายเรื่องวิธีการนับของ Unity ว่านับอย่างไร เช่น เกมที่อยู่บน Game Pass มีคนเล่นจำนวนมาก ๆ แต่ไม่จ่ายเงินซื้อเกมโดยตรงจะนับอย่างไร ? หรือซื้อเกมบน Steam แล้วติดตั้งบน PC หลายเครื่องจะนับอย่างไร ? หรือตัวเกม Demo นับหรือไม่ ?
ดราม่านี้ ส่งผลให้นักพัฒนาเกมประกาศว่าจะเลิกใช้ Unity และลบเกมเดิมทิ้ง ไปจนถึงประกาศขายเกมลดราคากระหน่ำ ก่อนนำเกมออกจากหน้าร้านต่าง ๆ ก่อนเกิดการอัปเดตนี้อย่างเป็นทางการ ความรุนแรงของดราม่านี้ ส่งผลให้ Unity ต้องประกาศปิดสำนักงานซานฟรานซิสโกและออสติน หลังได้รับคำขู่ฆ่าจากผู้ที่ไม่พอใจ
หลังจากผ่านมา 5 วัน ส่งผลให้ Unity ต้องออกมาขอโทษผ่านทางโซเชียล และยืนยันว่าจะเปลี่ยนนโยบายที่ประกาศไปก่อนหน้า หลังจากนั้นประมาณ 5 วัน Unity ก็ได้ประกาศนโยบายใหม่ ออกมาดังนี้
- Unity Personal จะไม่ถูกเก็บค่าบริการใด ๆ และขยายเพดานรายได้จากเกมที่มีสิทธิใช้ Unity Personal จากเดิม 100,000 ดอลลาร์เป็น 200,000 ดอลลาร์ พร้อมเอา บังคับแสดงหน้าจอ Made with Unity ออกให้ด้วย
- ผู้ใช้เอนจิน Unity Pro และ Unity Enterprise จะต้องจ่ายค่าบริการเมื่อมีรายได้เกิน 1 ล้านดอลลาร์ในรอบ 12 เดือนล่าสุด และมีผู้เล่นใหม่เกิน 1 ล้านคน เกมเก่าหรือเกมที่กำลังพัฒนาอยู่ด้วยเอนจินเก่า จะไม่ถูกเก็บค่าบริการใด ๆ วิธีคิดเงิน เลือกได้ว่าคิดเป็นเปอร์เซนต์ 2.5% ของรายได้ หรือจะนับตามจำนวนผู้เล่นใหม่ที่มาเล่นเกมในแต่ละเดือน โดย Unity จะคิดเงินอันที่ต้องจ่ายน้อยกว่า
พูดง่าย ๆ คือ Unity ยอมเปลี่ยนจากการนับจำนวนการติดตั้ง มาเป็นจำนวนผู้เล่นแบบใหม่ที่ใช้คำว่า Initial Engagement ซึ่งหมายถึงผู้เล่นหนึ่งรายที่ดาวน์โหลดหรือเล่นเกมเป็นครั้งแรกในช่องทางหนึ่ง ๆ โดยไม่นับรวมผู้เล่นละเมิดลิขสิทธิ์ ผู้เล่นที่เป็นบ็อตของบริษัทเอง และผู้เล่นเดิมที่ลบแล้วลงเกมซ้ำ ๆ หลายรอบ
อย่างไรก็ตาม ผลอาฟเตอร์เอฟเฟคของ “ดราม่า” นี้ยังไม่หมดลง เพราะหลังจากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ ทาง Unity ได้ประกาศว่า John Riccitiello จะเกษียณจากตำแหน่งซีอีโอ ประธานบริษัท ตลอดจนตำแหน่งในบอร์ดบริหารและมีผลทันที ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเกิดจากดราม่าก่อนหน้าที่เกิดขึ้น
ต่อมา Unity ยังต้องปลดพนักงานออกอีกเป็นจำนวนมาก โดยในปี 2023 มีปลดก่อนดราม่าไป 2 ครั้ง หลังดราม่า 1 ครั้ง ปี 2024 ปลดช่วงต้นปีไป 1 ครั้ง แถมปิดสำนักงานไปอีกกว่าครึ่ง ผลประกอบการในช่วงไตรมาสที่เกิดดราม่า ทำให้หุ้น Unity ตกลง 17% ขาดทุน 254 ล้านดอลลาร์ แม้จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 35% จากปีก่อนก็ตาม
ผู้กอบกู้ Unity 6 !!
หลังเกิดดราม่าได้ประมาณ 1 - 2 เดือน ทาง Unity พยายามเอาใจผู้ใช้งานมากขึ้น โดยการประกาศเปิดตัว Unity 6 ออกมา ก่อนจะปล่อยเวอร์ชันพรีวิวให้ใช้กันเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมปี 2024 และปล่อยให้ดาวน์โหลดตัวสมบูรณ์เมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคม 2024 ที่ผ่านมานี้เอง โดยได้ประกาศเตรียมเปิดตัว Unity 6.1 ในเมษายน 2025
นอกจากระบบมากมายของ Unity 6 ทีอัปเดตเข้ามาตามยุคสมัยแล้ว ยังมีการประกาศปรับนโยบายค่าบริการที่เป็นดราม่าออกมาเพิ่ม รวมไปถึงยังได้มีการวางโครงการปรับรุ่นอัปเดตของ Unity ใหม่ทั้งหมด
ในเรื่องนโยบายค่าบริการ ทาง Unity ได้เปลี่ยนแผนยกเลิกการคิดเงินตามจำนวนการติดตั้ง จำนวนผู้เล่นเกมทั้งหมด เปลี่ยนกลับมาใช้การคิดเงินตามจำนวนไลเซนส์แทน โดยเพิ่มราคาค่าไลเซนส์ขึ้น ซึ่ง Unity ให้เหตุผลว่าเพื่อนำเงินไปลงทุนพัฒนาเอนจินเกมให้ดีขึ้นต่อไป ราคา Unity Pro และ Unity Enterprise จะมีราคาเพิ่มขึ้น 8% และ 25% ตามลำดับ
ในส่วนของการปรับรุ่นอัปเดตของ Unity จะแบ่งแบ่งอัพเดตออกเป็น 3 ระดับ
- Major = เวอร์ชันใหญ่ เช่นกรณีนี้คือ Unity 6
- Patch = แพตช์แก้บั๊ก แต่ไม่เพิ่มฟีเจอร์
- Updates = เพิ่มฟีเจอร์ แต่ไม่บังคับใช้งาน และจะเข้ากันได้กับเอนจินเวอร์ชันหลัก เรียกเวอร์ชันเป็น 6.x เป็นของใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในระบบใหม่
ถือเป็นการจบดราม่าครั้งใหญ่ของ Unity ที่เกิดขึ้นจากตัวเองอย่างแท้จริง เพราะท้ายที่สุด นโยบายการคิดค่าบริการ ก็ถูกปรับมาเป็นแบบเดิมอยู่ดี แค่เพิ่มราคาให้สูงขึ้นเท่านั้น ดังนั้นการประกาศเปลี่ยนนโยบายในตอนแรก จึงถูกมองว่า Unity นั้นทำตัวเองอย่างแท้จริง...
หลังพายุลูกใหญ่ที่ถาโถมเข้ามา Unity ก็เหมือนจะกลับมาตั้งลำได้อีกครั้งกับเวอร์ชั่น 6 และไม่ว่าจะต้องผ่านอะไรมามากมาย Unity ก็ยังคงเป็นเกมเอนจิ้นที่ดี ใช้งานง่าย และได้รับความนิยมเป็นลำดับต้น ๆ
คอร์สสอนใช้ Unity !?
สำหรับใครที่สนใจ อยากใช้ Unity เพื่อพัฒนาเกม แอปพลิเคชัน หรือภาพยนต์สักเรื่อง สามารถเข้ามาดูคอร์ส Unity จากลิงก์นี้ได้เลย >> https://www.progaming.co.th/courses/unity-3d
การันตี 2 วัน ก็ทำเกมได้แล้ว !!
กลับหน้ารวม